...
เมนู

ตุลาคม เที่ยวประเทศไหนดี 2567 ชี้ 6 พิกัดน่าเที่ยวไปง่ายไม่ต้องขอวีซ่า

ในเดือนตุลาคมของทุกๆ ปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เพราะอากาศเริ่มเย็นสบายและหลายประเทศมีเทศกาลที่น่าสนใจ หากคุณกำลังมองหาประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับคนไทยในปี 2567 เพื่อไปท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสม เรามี 6 พิกัดน่าเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากค่ะ

ตุลาคม เที่ยวประเทศไหนดี 2567 ฟรีวีซ่า

เที่ยว ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสีในเดือนตุลาคม

เดือนตุลาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นช่วงที่ใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลือง ทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงามและน่าประทับใจ การไปเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับคนไทยได้ฟรีวีซ่า 15 วัน แนะนำสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีได้ ดังนี้

  1. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park): เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีเส้นทางเดินป่าและจุดชมวิวที่สวยงามหลายแห่ง ในเดือนตุลาคม คุณจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับฉากหลังของภูเขาและทะเลสาบ
  2. หุบเขาโซอุนเคียว (Sounkyo Gorge): เป็นหุบเขาลึกที่สวยงาม มีน้ำตกและหน้าผาสูงชัน ในเดือนตุลาคม ใบไม้จะเปลี่ยนสี ทำให้หุบเขาดูมีชีวิตชีวาและสวยงามยิ่งขึ้น
  3. ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya): เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่สวยงาม มีวิวภูเขาไฟ Usuzan เป็นฉากหลัง ในเดือนตุลาคม คุณสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สะท้อนลงบนผิวน้ำทะเลสาบ
  4. เมืองโจซังเค (Jozankei): เป็นเมืองออนเซ็นที่สวยงาม ตั้งอยู่ใกล้กับซัปโปโร ในเดือนตุลาคม คุณสามารถแช่ออนเซ็นและชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามได้
    เมืองบิเอ (Biei): เป็นเมืองที่สวยงาม มีทุ่งดอกไม้และเนินเขาสีสันสดใส ในเดือนตุลาคม ทุ่งดอกไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองของต้นแปะก๊วย

เที่ยวเกาหลีใต้ ชมใบไม้เปลี่ยนสีและร่วมงานเทศกาลในเดือนตุลาคม

เที่ยวเกาหลีใต้ช่วงเดือนตุลาคม ชมใบไม้เปลี่ยนสี และท่องเที่ยวเทศกาลต่างๆ มีที่ไหนน่าสนใจบ้างมาดูเลย

สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แนะนำ
  1. อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan National Park): เป็นหนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเกาหลีใต้ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขาและป่าไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม และเหลือง
  2. อุทยานแห่งชาติแนจังซาน (Naejangsan National Park): เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณวัดแนจังซาและน้ำตกกูชอง
  3. เกาะนามิ (Nami Island): เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่สวยงามและโรแมนติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ต้นไม้เปลี่ยนสี
  4. พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace): เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโซล และสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อต้นไม้ในสวนเปลี่ยนสี
เทศกาลในเดือนตุลาคม
  1. เทศกาลบุชอนนานาชาติ (Busan International Film Festival, BIFF): เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่สำคัญที่สุดในเอเชีย จัดขึ้นที่เมืองปูซานในช่วงต้นเดือนตุลาคม
  2. เทศกาลอาหารนานาชาติเกาหลี (Korea International Food Festival): เป็นเทศกาลอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ จัดขึ้นที่กรุงโซลในช่วงกลางเดือนตุลาคม
  3. เทศกาลโคมไฟนานาชาติโซล (Seoul Lantern Festival): เป็นเทศกาลที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ จัดขึ้นริมแม่น้ำชองกเยชอนในกรุงโซลในช่วงปลายเดือนตุลาคม

สำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยวเกาหลีไม่ต้องขอวีซ่า แต่ต้องขอ K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization เป็นระบบอนุมัติการเดินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับชาวต่างชาติจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า ซึ่งรวมถึงประเทศไทย หากได้รับอนุมัติ K-ETA จะสามารถเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้และพำนักได้ไม่เกิน 90 วัน โดย K-ETA มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่ออก

เที่ยวซาปา ประเทศเวียดนาม ชมวิวนาขั้นบันได อากาศกำลังดีในเดือนตุลาคม

เที่ยวประเทศใกล้บ้านราคาไม่แพงในเดือนตุลาคม ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการมาเที่ยวชมนาขั้นบันไดที่ซาปา ประเทศเวียดนาม อากาศจะเย็นสบายกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป และที่สำคัญ นาข้าวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่าม สวยงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว คนไทยเที่ยวเวียดนามฟรีวีซ่า 30 วัน

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
  1. หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village): เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซาปา สามารถเดินเท้าไปเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวบ้านและนาขั้นบันไดที่สวยงามได้
  2. หมู่บ้านต่าฟาน (Ta Van Village): เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านชาวเขาที่สวยงามและเงียบสงบกว่าหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสธรรมชาติ
  3. หมู่บ้านล่าโอไช่ (Lao Chai Village): เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งดำที่ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านต่าฟาน มีนาขั้นบันไดที่สวยงามและเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ยอดเยี่ยม
  4. ยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan Mountain): เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองซาปาและนาขั้นบันไดได้
กิจกรรมที่น่าสนใจ
  1. เดินป่า trekking ชมนาขั้นบันได: เป็นกิจกรรมยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกัน โดยสามารถเลือกเส้นทางเดินป่าได้ตามความยากง่ายและระยะเวลาที่ต้องการ
  2. ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวชมหมู่บ้านชาวเขา: เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สนุกในการเที่ยวชมซาปาและสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน
  3. นั่งกระเช้าขึ้นยอดเขาฟานซิปัน: เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วในการขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน
  4. แช่น้ำแร่: ซาปามีบ่อน้ำแร่ธรรมชาติหลายแห่ง เหมาะสำหรับการผ่อนคลายหลังจากการเดินป่าหรือทำกิจกรรมต่างๆ

เที่ยวบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เที่ยวทะเล ดำน้ำ เล่นเซิร์ฟ ในเดือนตุลาคม

เที่ยวฝั่งเอเชียงตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรา ในเดือนตุลาคมแนะนำเที่ยวที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย อากาศกำลังดี ทะเลสวย น้ำใส เหมาะสำหรับกิจกรรมทางน้ำต่างๆ ทั้งดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก และเล่นเซิร์ฟ ฟรีวีซ่าประเทศอินโดนีเซียสำหรับคนไทยอนุญาตให้พำนักในประเทศได้ 30 วัน

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
  1. นูซา เล็มโบงัน (Nusa Lembongan): เกาะเล็กๆ ใกล้กับบาหลี เหมาะสำหรับการพักผ่อน ดำน้ำตื้น และดำน้ำลึก ชมปะการังและฝูงปลาหลากสีสัน รวมถึงมีจุดเล่นเซิร์ฟที่คลื่นสวยงาม
  2. นูซา เพอนีดา (Nusa Penida): เกาะที่ใหญ่กว่านูซา เล็มโบงัน มีธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการดำน้ำลึก และชมปลากระเบนราหู (Manta Ray)
  3. อูลูวาตู (Uluwatu): เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และมีวัด Uluwatu Temple ตั้งอยู่บนหน้าผา นอกจากนี้ยังมีหาดสำหรับเล่นเซิร์ฟที่ได้รับความนิยม
  4. หาดกูตา (Kuta Beach): เป็นหาดที่คึกคักและมีชื่อเสียงที่สุดในบาหลี เหมาะสำหรับการเล่นเซิร์ฟสำหรับผู้เริ่มต้น และมีกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ให้เลือกเล่นมากมาย
  5. หาดเซมินยัก (Seminyak Beach): เป็นหาดที่เงียบสงบและหรูหรากว่าหาดกูตา มีร้านอาหาร บาร์ และร้านค้าเก๋ๆ มากมาย
กิจกรรมที่น่าสนใจ
  1. ดำน้ำตื้น (Snorkeling): สามารถดำน้ำตื้นได้เกือบทุกหาดในบาหลี แต่จุดดำน้ำตื้นที่สวยงามแนะนำคือ นูซา เล็มโบงัน และ นูซา เพอนีดา
  2. ดำน้ำลึก (Scuba Diving): บาหลีมีจุดดำน้ำลึกที่สวยงามหลายแห่ง เช่น Tulamben, Amed, และ Nusa Penida
  3. เล่นเซิร์ฟ (Surfing): หาดที่เหมาะสำหรับเล่นเซิร์ฟ ได้แก่ Kuta, Canggu, และ Uluwatu
  4. ชมพระอาทิตย์ตกที่ Tanah Lot: วัด Tanah Lot เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนโขดหินกลางทะเล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามและมีชื่อเสียงของบาหลี
    เที่ยวชมวัดต่างๆ: บาหลีมีวัดที่สวยงามและมีความสำคัญทางศาสนามากมาย เช่น วัด Besakih, วัด Uluwatu, และ วัด Ulun Danu Beratan
  5. เดินป่าที่ Campuhan Ridge Walk: เป็นเส้นทางเดินป่าที่สวยงามและไม่ยาก เหมาะสำหรับการชมวิวทุ่งนาและธรรมชาติ
  6. เรียนทำอาหารบาหลี: เรียนรู้วิธีทำอาหารบาหลีต้นตำรับจากเชฟท้องถิ่น
  7. ช้อปปิ้งที่ตลาด Ubud: ตลาด Ubud เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดใน Ubud มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ เช่น งานฝีมือ เสื้อผ้า และของที่ระลึก

เที่ยวจิ่วจ้ายโกว ประเทศจีน ชมทะเลสาบสีฟ้าและใบไม้เปลี่ยนสีในเดือนตุลาคม

ช่วงนี้คนไทยไปเที่ยวจีนเยอะมาก จึงไม่อยากให้พลาดการท่องเที่ยวในเดือนตุลาคมเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการมาเที่ยวชมจิ่วจ้ายโกว ประเทศจีน เพราะคุณจะได้สัมผัสกับความงามของทะเลสาบสีฟ้าใสตัดกับสีสันสดใสของใบไม้เปลี่ยนสีที่กำลังจะผลัดใบ เป็นช่วงที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ความงดงามได้อย่างลงตัวที่สุด

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ
  1. ทะเลสาบห้าสี (Five Flower Lake): เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในจิ่วจ้ายโกว มีน้ำทะเลสีฟ้าใสราวกับคริสตัล ตัดกับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีโดยรอบ
  2. ทะเลสาบกระจก (Mirror Lake): เป็นทะเลสาบที่เงียบสงบและใสสะอาด จนสามารถสะท้อนภาพของทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจน
  3. ทะเลสาบยาว (Long Lake): เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว มีทัศนียภาพที่สวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล
  4. น้ำตกนูร์ลาง (Nuorilang Waterfall): เป็นน้ำตกที่กว้างที่สุดในจีน มีความสูง 20 เมตร และกว้าง 320 เมตร
  5. หุบเขาซือเจิ้ง (Shuzheng Valley): เป็นหุบเขาที่สวยงามและมีทะเลสาบหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบหลับไหล ทะเลสาบแพนด้า และทะเลสาบห่านฟ้า

สำหรับคนไทยที่กำลังมีแพลนไปเที่ยวจีนไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว เพราะตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไปคนไทยเที่ยวจีนไม่ต้องขอวีซ่าได้ 30 วัน

เที่ยวประเทศตุรกี ขึ้นบอลลูนชมทัศนียภาพที่เมืองคัปปาโดเกีย

ไฮไลท์ของการเที่ยวประเทศตุรกีต้องยกให้กับ การขึ้นบอลลูนชมทัศนียภาพที่เมืองคัปปาโดเกีย ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของหุบเขา ปล่องภูเขาไฟ และที่อยู่อาศัยในถ้ำโบราณ ทำให้การชมวิวจากมุมสูงบนบอลลูนเป็นภาพที่สวยงามจับใจ ที่สำคัญคนไทยที่เดินทางไปตุรกีเพื่อการท่องเที่ยวอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุดสำหรับการขึ้นบอลลูน อุณหภูมิไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป และมีโอกาสเกิดลมแรงน้อยกว่าฤดูอื่นๆ
ช่วงเช้าตรู่ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการขึ้นบอลลูน เพราะคุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเหนือภูมิทัศน์ที่สวยงามของคัปปาโดเกีย

แนะนำว่านักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นบอลลูน ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูท่องเที่ยว ควรสวมเสื้อผ้าที่สบายและอบอุ่น เนื่องจากอุณหภูมิบนบอลลูนอาจจะเย็นกว่าบนพื้นดิน และอย่าลืมเตรียมกล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพความประทับใจจากมุมสูงด้วยนะคะ

อย่างไรก็ตามการขึ้นบอลลูนขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากมีลมแรงหรือฝนตก การขึ้นบอลลูนอาจถูกยกเลิกได้ ส่วนผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ หรือโรคกลัวความสูง อาจไม่เหมาะสำหรับการขึ้นบอลลูนค่ะ

นอกจากการขึ้นบอลลูนแล้ว คัปปาโดเกียยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ดังนี้
  1. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Göreme Open Air Museum): เป็นกลุ่มโบสถ์และอารามที่สลักเข้าไปในหิน มีภาพเขียนฝาผนังที่สวยงามและเก่าแก่
  2. เมืองใต้ดินเดรินคูยู (Derinkuyu Underground City): เป็นเมืองใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในคัปปาโดเกีย เคยเป็นที่หลบภัยของชาวคริสต์ในสมัยโบราณ
  3. หุบเขาแห่งนางฟ้า (Fairy Chimneys Valley): เป็นหุบเขาที่มีหินรูปร่างแปลกตาคล้ายปล่องไฟ เกิดจากการกัดเซาะของลมและฝน

สรุป

ดังนั้นหากว่าคุณต้องการท่องเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี ชมเทศกาลที่น่าสนใจ บวกกับสภาพอากาศที่กำลังเย็นสบาย สามารถไปท่องเที่ยวใน 6 ประเทศที่เราแนะนำโดยไม่ต้องขอวีซ่า ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศจีน และประเทศตุรกี โดยสามารถจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า เดินทางไปท่องเที่ยวด้วยตัวเอง หรือ จองตั๋วท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์ที่ไว้วางใจได้เลยค่ะ